ทำความรู้จัก SaaS เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรง

วันนี้จะชวนมาลองทำความรู้จักกันว่าเจ้า SaaS นี้คือธุรกิจอะไร

​     หลายคนอาจจะเริ่มได้ยินคำว่า SaaS บ้างก็ว่าเป็นธุรกิจแบบใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบันและอนาคตบ้างละ บ้างก็ว่าเป็นเครื่องมือที่เหล่าบริษัทและสตาร์ทอัพเริ่มนำมาใช้บ้างละ บ้างก็ว่าอำนวยความสะดวกสบาย เหมาะกับยุคที่เทคโนโลยีครองเมือง ดังนั้นบริษัทที่ทำ SaaS จึงเป็นที่จับตาของนักลงทุน ในฐานะโอกาสที่มีลุ้นให้เติบโตขึ้นไปอีก วันนี้จะชวนมาลองทำความรู้จักกันว่าเจ้า SaaS นี้คือธุรกิจอะไร

   ​1. แล้ว SaaS มันคืออะไร SaaS ย่อมาจาก Software-as-a-Service แปลเป็นภาษาไทยก็คือ การให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ รู้จักกันในอีกนามว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบ Cloud นั่นเอง เขียนอย่างนี้หลายคนอาจจะยังงง ขอสรุปว่า SaaS คือการให้บริการที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงโปรแกรมต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องลำบากดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดเครื่องไว้ ตัวอย่างเบสิก ๆ ที่หลายคนคุ้นเคยก็คือการใช้อีเมล ที่เราเข้าอินเตอร์เน็ตแล้วล็อกอินไปเช็กอีเมลได้เลย หากขยับมายังการใช้งานในบริษัทก็จะเจอโปรแกรมสำนักงานอย่าง Microsoft Office 365, Google Drive เป็นต้น

​2. ข้อดีของ SaaS ข้อดีของ SaaS เมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ที่ต้องมาติดตั้งในเครื่อง มีอยู่ด้วยกันหลายข้อ เช่น
​2.1 SaaS ไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์หรือเครื่องไม้เครื่องมือพิเศษอะไร จึงลดขั้นตอนการติดตั้งไปได้มาก รวมถึงลดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นด้วย
​2.2 SaaS คิดค่าบริการเป็นแบบ Subscription Model ก็คือจ่ายเฉลี่ยเป็นรายเดือน รายปี ก็ว่ากันไป ถ้าไม่ใช้ก็เลิกเป็นสมาชิก ในขณะที่ถ้าเป็นซอฟต์แวร์แบบติดตั้ง จะต้องซื้อแบบถาวร จ่ายหน้างานไปเลยเต็ม ๆ
​2.3 SaaS ไม่มีข้อจำกัดเรื่องประเภทของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะใช้ Windows หรือ Mac ก็ใช้งานได้ หรือจะใช้งานผ่านเครื่องมืออื่น ๆ อย่างมือถือหรือแท็บเล็ตก็ได้เช่นกัน เพราะซอฟต์แวร์อยู่บนอินเตอร์เน็ต ตราบใดที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ ก็ใช้งานได้
​2.4 ผู้ให้บริการ SaaS สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ของตนได้ง่าย ๆ ผ่านระบบกลาง ผู้ใช้งานแต่ละเครื่องไม่ต้องอัปเดตแยกเป็นรายเครื่อง ซึ่งบางทีผู้ใช้งานก็อาจจะลืมอัปเดตบ้าง หรือติดข้อจำกัดด้านความปลอดภัยอื่น ๆ บ้าง ทำให้การอัปเดตล่าช้า สู้ผู้ให้บริการอัปเดตจากศูนย์กลางเลย ง่ายกว่าเยอะ
​2.5 SaaS ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลง่ายยิ่งขึ้น เพราะข้อมูลถูกเก็บไว้ตรงศูนย์กลางในที่เดียวกัน เวลาทำงาน ระบบก็มักจะบันทึกงานให้โดยอัตโนมัติ หากเป็นซอฟต์แวร์ติดตั้ง เราก็จะต้องลงทุนไปหาที่สำรองข้อมูลเผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เครื่องมือฮาร์ดแวร์นั้นพัง

สรุปก็คือ SaaS เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้งาน นอกจากจะสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเตอร์เน็ตแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย

3. SaaS ต่างจาก Cloud อย่างไร
​อ่านถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจจะยังเข้าใจว่าเอ๊ะ SaaS มันก็เหมือน Cloud รึเปล่า อันที่จริงมันคนละอย่างกัน โดย Cloud นั้นเป็นชื่อเรียกของเทคโนโลยีด้านโครงสร้างพื้นฐานที่หลัก ๆ จะประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และฐานข้อมูลที่เชื่อมกัน เป็นระบบที่จะเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์สิ่งต่าง ๆ ร่วมกันได้ ส่วน SaaS นั้นจะเป็นการส่งมอบซอฟต์แวร์ผ่านระบบ Cloud อีกที หรืออีกแบบคือ SaaS ใช้ประโยชน์จากระบบ Cloud ในการให้บริการซอฟต์แวร์นั่นละ หรือเรียกอีกแบบว่า SaaS เป็นเพียงหนึ่งประเภทของ Cloud Computing เท่านั้น

4. เทรนด์ SaaS เป็นอย่างไร
​เพราะ SaaS อำนวยความสะดวกให้บริษัททั้งเล็กและใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจหากเราจะพบว่าเทรนด์ SaaS กำลังมาแรง และนี่คือตัวอย่างสถิติจาก DevSquad ที่เรานำมาฝากกัน
จำนวนเงินที่บริษัทใช้ลงทุนกับ SaaS นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2010 โดยคาดว่ามูลค่าตลาดโดยรวมน่าจะแตะระดับ $6.2 แสนล้าน ภายในปี 2023

38% ขององค์กรระบุว่าใช้ SaaS ในการดำเนินงานทั้งหมด
73% ระบุว่าจะใช้ SaaS ในการดำเนินงานทั้งหมด ภายในปี 2020
86% ขององค์กรระบุว่าการใช้ SaaS ช่วยให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้นอย่างมีนัย
อเมริกาเหนือเป็นภูมิภาคที่ใช้งาน SaaS เยอะสุด
ทำความรู้จัก SaaS เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรง
Janis Sakulsirithada 26 กันยายน ค.ศ. 2023
แชร์โพสต์นี้
แท็ก
บล็อกของเรา
เก็บถาวร
ลงชื่อเข้าใช้ ที่จะแสดงความคิดเห็น
ปัญญาประดิษฐ์คืออะไร?
John McCarthy ที่ได้กล่าวถึง AI ให้ความหมายเอาไว้ว่า