ต้องบอกเลยว่า ในหลายๆครั้งเรามักจะอยากโยนงานไปในวันพรุ้งนี้ หรือชอบทำงานแบบผัดวันประกันพรุ่ง และเอาตัวเองไปโยนลงบนเตียงนุ่มๆ พร้อมกลับเข้าสู่โลกส่วนตัวที่ไม่มีคำว่า 'งาน หรือ ความรับผิดชอบ' อยู่ในหัวเพราะมันง่ายที่สุดที่จะนอนหลับตลอดวัน หรือเล่นอยู่บนโซเชียลมีเดียตลอดระยะเวลาที่ภาระงานยังไม่ถึงมากนัก
จุดเริ่มต้นของพฤติกรรมนี้มาจาก 'ความขี้เกียจ' ที่ทุกคนนั้นมีอยู่ในตัว Psychology today ได้กล่าวไว้ว่า 20% ของประชากรโลกนั้นเป็นพวกคนขี้เกียจ โดยคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มองว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด และยังคงใช้เวลาส่วนมากไปกับการพักผ่อน หลายๆคนจะคิดว่าคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ แต่ในกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีกลุ่ม 'คนขี้เกียจ' ที่ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายเพราะว่าคนกลุ่มนี้มี หลักการคิดที่แต่ต่างจากหลักการคิดทั่วไปที่ทุกคนจะต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการทำงานอย่างหนัก
โดยหลักการคิดของคนกลุ่มนี้เป็นหลักการคิดที่ Easy & Simple มากๆ ที่เมื่อทุกคนอ่านแล้ว ถึงกับต้องร้องว่า “อ่อ!” เอาหละไปดูกันว่าหลักการคิดของคนกลุ่มนี้นั้นมีอ่ะไรบ้าง
คนขี้เกียจมักจะรู้ว่า เวลาไหนควรพักและเวลาไหนควรทำงาน (Lazy people know the value of rest)
การพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการพักผ่อนที่เพียงพอและเหมาะสมจะทำให้ สมองและร่างกายมีพลังงานเพียงพอที่จะสามารถ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และลงมือทำ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจต่างๆ รอบคอบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย หากเราเอาแต่ทำงานตลอดเวลาและไม่ได้รับการพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากจะไม่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังทำให้สุขภาพจิตของเราย่ำแย่ลงจากความเครียดที่เกิดขึ้นอีกด้วย
คนขี้เกียจมักจะ โฟกัสไปยังจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเอง (Lazy people focus on their goals)
ในหลายๆครั้ง ที่เรามักจะฟังคำแนะนำในการทำงาน และพยายามที่จะทำตามจากคนที่ทำสำเร็จแล้ว ก็อาจเป็นข้อเสียได้เพราะว่าหากเราโฟกัสไปกับเส้นทางที่คนอื่นได้วาด และวางไว้มากเกินไป บางครั้งเราก็จะกดดันว่าทำไมเราทำตามแล้วไม่สำเร็จสักทีหรือใช้พลังงานในการทำงานเกินไป เพราะว่าเราทุกคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน เลยเหมือนเป็นการฝืนตัวเองไปในทางที่ไม่ถนัด แต่คนขี้เกียจมักจะข้ามคำแนะนำเหล่านั้น แล้วไปโฟกัสกับทางที่พวกเขาได้วาดมันขึ้นมาเอง และไม่เสียเวลาอยู่กับการคำแนะนำของคนอื่นมากนักพร้อมโฟกัสกับเป้าหมายของตัวเองได้อย่างราบรื่น
คนขี้เกียจมักจะ รู้จักวิธีการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ (They use help of technology)
พวกเขามักจะรู้วิธีใช้แกดเจ็ตและแอพที่ออกแบบมาใหม่อยู่เสมอ หากคุณอยากรู้ว่าแกดเจ็ตใหม่ๆ ใช้งานอย่างไนให้ไปลองถามเขาดูสิเขาจะสอนคุณได้ดีเลยแหละ เพราะเขาจะศึกษามันเพื่อที่จะทำให้พวกเขาลดความซับซ้อนของกระบวนการและทำสิ่งต่างๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและเอาเวลาไปใช้กับการพักผ่อนของเขา
คนขี้เกียจมักจะ รู้สึกผ่อนคลายในการใช้ชีวิต มากกว่า (Lazy people are more relaxed)
การทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้งานสำเร็จ นับว่าเป็นกลยุทธ์ในการใช้ชีวิตที่ดี เพราะเราสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและคนขี้เกียจมักจะใช้ชีวิตแบบนั้น พวกเขามักจะรู้สึกผ่อนคลายในการใช้ชีวิตมากกว่าคนทั่วไป เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มองว่าการทำงานเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต และชีวิตยังมีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีกมากมาย
คนขี้เกียจมักจะรู้ว่า ต้องลงแรงไปกับรูปแบบการทำงานแบบไหน (Lazy people know how to invent)
ลองนึกภาพว่า พนักงานที่ขี้เกียจได้รับงานมากมาย ที่จำเป็นต้องเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น คิดว่าเขาจะทำไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและละเอียดตามที่คนอื่นเคยทำมาหรือเปล่าคำตอบคือไม่เขาจะหาวิธีการทำงานที่รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้เอาเวลาไปขี้เกียจต่อยังไงหละ ซึ่งคนขี้เกียจเหล่านี้เขามักจะมีวิธีการทำงานที่แปลกใหม่ ที่ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นแต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงานไว้ได้ดังเดิม
จากหลักแนวคิดจะเห็นได้ว่า ‘การเป็นคนขี้เกียจ’ ไม่ได้หมายความเป็นตัวการันตีว่า เราจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตแต่ความขี้เกียจนี้แหละที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามวิถีของตัวเราเอง สามารถโฟกัสกับจุดมุ่งหมายของตัวเองได้อย่างเต็มที่ แล้วยังมีเวลาไปพักผ่อนย่อนใจเมื่อเราพร้อมที่จะทำงาน งานที่ทำออกมานั้นก็จะมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ
บุคคล ขี้เกียจที่ประสบความสำเร็จที่สุด
Photo: Bob Thomas/Popperfoto via Getty Images/Getty Images
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนคงเข้าใจและสงสัยว่า มันทำได้จริงๆรึเปล่าเราจึงได้นำบุคคล ขี้เกียจตัวอย่าง มาให้อ่านกันสั้นๆ เขาคนนั้นคือ 'Charles Darwin' นักธรรมชาติวิทยา ผู้เขียนหนังสือชื่อ“กำเนิดของสิ่งมีชีวิต”(The Origin of Species) คนขี้เกียจที่ประสบความสำเร็จที่สุด ผู้พลิกโฉมแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ไปทั่วโลกช่วงชีวิตในวัยเด็กของเขาคล้ายคลึงกับชีวิตของ 'sir Winston Churchill' เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามักจะแอบหลับในคาบเรียน และเขาก็ไม่ชอบกีฬาชนิดไหนเลย กิจกรรมที่เขามักจะทำยามว่าง คือ การนั่งตกปลาที่เรียบง่าย การดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ขยันเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังสามารถประสบคามสำเร็จในระดับโลกได้เช่นกัน
สุดท้ายทุกคนคงเห็นแล้วว่านิสัยขี้เกียจก็ไม่ได้มีแต่ผลเสียเสมอไป หากเรารู้วิธีการใช้งานมันอย่างถูกต้อง กลับกันอาจเป็นผลดีสำหรับเราได้ เพราะเราสามารถเดินไปตามทางของตัวเองอาจจะหยุดพักบ้าง เดินเล่นบ้าง วิ่งบ้างแต่สุดท้ายเราก็สามารถไปถึงที่หมายได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเดินไปตามทางของคนอื่นที่ชี้ไปในทางที่รวดเร็ว แล้วหันกลับมาพบว่ามันไม่ใช่ทางของเรา เรา สามารถโฟกัสกับเส้นทางของเราและเอนจอยไปกับการดำเนินชีวิตตามสไตร์ของ'คนขี้เกียจ'