ความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือ Cyber Security หมายถึงการป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย และข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในสื่อต่างๆ ในโลกดิจิทัล โดยการป้องกันไม่ให้มีการเข้าถึงหรือสร้างความเสียหายในระบบและข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ดี อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการรักษาความลับ ความครบถ้วน และความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วย
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้แก่
1. การเจาะระบบ (hacking)
2. การแพร่ระบาดของไวรัส (virus)
3. การโจมตีด้วยแฮ็กเกอร์ (cyber attacks)
4. การดักรับส่งข้อมูล (eavesdropping)
5. การฟ้องว่าด้วยสิทธิและความเป็นส่วนตัว (privacy and legal issues) และอื่นๆ
การป้องกันและรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีหลายวิธี เช่น การติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส การใช้ระบบการระบุตัวตนที่มีความปลอดภัยสูง เปิดเผยข้อมูลที่เป็นส่วนตัวอย่างระมัดระวัง การใช้เทคนิคการเข้ารหัสข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูลสำรอง (backup) เป็นต้น
ภายใต้แนวคิดของ Cyber Security ยังมีหลักการปฏิบัติต่างๆ เช่น
1. ความปลอดภัยทางเทคนิค (Technical Security) เป็นการป้องกันและตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือทางเทคนิค เช่น ระบบไฟร์วอลล์ (firewall) และระบบตรวจจับการบุกรุก (intrusion detection system)
2. ความปลอดภัยทางพฤติกรรม (Behavioral Security) เน้นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และมีสุขภาพทางไซเบอร์ที่ดี
3. ความปลอดภัยทางกฎหมาย (Legal Security) เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการปกป้องสิทธิและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
4. ความปลอดภัยทางธุรกิจ (Business Security) เน้นการป้องกันและรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการธุรกิจและข้อมูลธุรกิจขององค์กร
5. ความปลอดภัยทางความเสี่ยง (Risk Security) เน้นการจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์โดยการวิเคราะห์ ตรวจสอบ และแก้ไขความชุกชุมในระบบขององค์กร
นี่คือเคสตัวอย่างสมมุติที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อาจเป็นปัญหาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หนึ่งในพนักงานบริษัท ได้รับอีเมล์ที่มีลิ้งก์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง พนักงานคนนั้นคลิกลิ้งก์และติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่รู้ตัวว่ามีความเสี่ยง ซอฟต์แวร์ดังกล่าวเริ่มทำงานโดยการสร้างคีย์ล็อกเกอร์ (keylogger) ที่บันทึกการกดคีย์ทั้งหมดที่พนักงานคีย์ลงในคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่ถูกบันทึกจากคีย์ล็อกเกอร์จะถูกส่งกลับไปยังแฮ็กเกอร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ผลกระทบ: แฮ็กเกอร์ได้รับข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านของพนักงานผู้ใช้คนนั้น แฮ็กเกอร์จะเข้าถึงข้อมูลที่มีความลับหรือข้อมูลทางธุรกิจสำคัญอีกทั้งยังอาจนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อการฉ้อโกงอื่นๆ หรือการแสวงหาประโยชน์ทางการเงินได้
การแก้ไข: บริษัทควรตรวจสอบและติดตามกิจกรรมในระบบเพื่อตรวจหาซอฟต์แวร์ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยและลบมันออกไปจากคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้จำเป็นจะต้องเปลี่ยนรหัสผ่านสำหรับพนักงานที่เป็นเป้าหมายของการโจมตีและแจ้งให้พนักงานทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบและระมัดระวังให้มากขึ้น
การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากสถานการณ์การโจมตีทางไซเบอร์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงิน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลได้